Sunday, August 14, 2011

คั่วกลิ้งเนื้อ

คั่วกลิ้งเนื้อ,
ส่วนผสม




เนื้อวัวหั่นเป็นชิ้น 1/2 กิโลกรัม

เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

พริกชี้ฟ้าหั่น 2 เม็ด

ใบมะกรูดหั่นฝอยสำหรับโรยหน้า 4-5 ใบ

น้ำมันพืชสำหรับผัดเล็กน้อย



เครื่องพริกแกง



ขมิ้น 1/2 หัว

พริกขี้หนูแห้ง 20 เม็ด (มากหรือน้อยตามความชอบ)

พริกไทย 3-4 ช้อนโต๊ะ

ตะไคร้ 2 ต้น

ข่าหั่นเป็นแว่น 5-6 แว่น

หอมแดง 5-6 หัว

กระเทียม 3-4 หัว

ผิวมะกรูดซอย 1-2 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ เริ่มจากโขลกเครื่องพริกแกงทั้งหมด ทั้งขมิ้น พริกขี้หนู พริกไทย ตะไคร้ ข่า หอมแดง กระเทียม และผิวมะกรูดรวมกันให้ละเอียดจนได้พริกแกงสำหรับนำมา ผัดทำคั่วกลิ้ง จากนั้นนำเนื้อวัวที่หั่นเป็นชิ้นๆแล้วนั้นไปผัดในกร ะทะ ใส่น้ำมันแค่นิดเดียวพอให้เนื้อไม่ติดกระทะ



พอเนื้อสุกดีแล้วคราวนี้ก็เอาพริกแกงที่โขลกเตรียมไว ้ลงผัดตามใน กระทะ เติมเกลือลงไปเพิ่มรสชาติความเค็มสักเล็กน้อย ผัดๆๆให้เครื่องแกงเข้าเนื้อดีแล้วจึงนำพริกชี้ฟ้าหั ่นลงไปผัดด้วย จนเมื่อเนื้อแห้งดีแล้วลองชิมรสชาติดู ถ้าใครติดรสหวานจะเติมน้ำตาลลงไปหน่อยก็ได้ แต่ถ้าสูตรคั่วกลิ้งต้นตำรับจริงๆจะไม่ใส่น้ำตาล ชิมรสจนพอใจแล้วก็ยกลง โรยหน้าด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย ก็เป็นอันได้คั่วกลิ้งเผ็ดๆจานเด็ดไว้กินกับข้าวสวยร ้อนๆ ยิ่งมีผักเหนาะกระจาดโตๆที่มีสารพัดผักสดมากินคู่กัน แล้วก็ยิ่งเพิ่มรสชาติ ความอร่อยเข้าไปอีก

ปลากระบอกต้มส้ม



ปลากระบอกต้มส้ม

เครื่องปรุง


ปลากระบอกตตัวใหญ่ 2 ตัว

น้ำส้ม (น้ำส้มลูกโหนด) 1/3 ถ้วย

ตะไคร้หั่นเป็นท่อนทุบ 2 ต้น

กระเทียมบุบ 1 หัว

หอมแดงบุบ 3 หัว

เกลือป่น 3 ช้อนชา
วิธีทำ


ล้างปลาให้สะอาด ควักไส้ทิ้ง

เอาน้ำ 2 ถ้วยตั้งไฟ พอเดือดใส่ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ขมิ้น

พอเดือดอีกครั้งใส่น้ำส้ม เกลือ แล้วจึงใส่ปลา

พอปลาสุกแล้วปิดไฟ ยกลง
 

ขมิ้นทุบ 2 ซม

เคยคั่ว



เคยคั่ว

เคย 1 1/2ช้อนโต๊ะ


ใบมะกรูด 3 ใบ

มะพร้าวขูด 200 กรัม

น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

เครื่องเเกง

ตะไคร้ 2 ต้น

พริกขี้หนูแห้ง 30 เม็ด

กระเทียม 1 หัว

หอมเดง 3 หัว

ข่า 4 แว่น

พริกไทยเม็ด 2 ช้อนชา

ขมิ้น 2 ซม.

โขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด



วิธีทำ

ใส่เคยลงโขลกในเครื่องแกง

คั้นมะพร้าวให้ได้กะทิข้น 3/4ถ้วย เอากะทิตั้งไฟ พอเดือดใส่เครื่องแกงที่โขลก

น้ำตาลทราย ตั้งไฟ คนไปเรื่อยๆจนกะทิแตกมันและน้ำข้น ฉีกใบมะกรูดใส่ ปิดไฟ


Friday, July 22, 2011

อุปกรณ์ในการทำเบเกอรี่


อุปกรณ์ในการทำเบเกอรี่





เครื่องชั่ง มีความสำคัญในการทำเบเกอรี่มาก มีผลต่อลักษณะของขนมมากพอสมควร เนื่องจากถ้ามีการชั่งหรือตวงผิด หรือใช้อุปกรณ์ผิดก็จะทำให้ขนมนั้นทำแล้วไม่ดี หรือทำออกมาแล้วไม่ได้ลักษณะที่ควรจะเป็น อุปกรณ์ที่จะใช้ในการชั่งหรือตวงมีหลายชนิด เช่น ช้อนตวงมี 4 ขนาดคือ 1 ช้อนโต๊ะ 1 ช้อนชา 1/2 ช้อนชา 1/4 ช้อนชา อาจทำจากโลหะหรือพลาสติคก็ได้ ใช้สำหรับตวงของเหลวหรือของแห้งก็ได้ ถ้าใช้ตวงของแห้งอย่าใช้ช้อนตวงตักอาหารโดยตรง เพราะจะทำให้ได้ปริมาตรที่มากเกินไป ต้องใช้วัสดุอื่นตักใส่ช้อน แล้วใช้มีดปาดให้เรียบอีกครั้ง ต่อไปที่จะพูดถึงก็คือถ้วยตวง จะแยกเฉพาะระหว่างตวงของแห้งกับของเหลว มีขนาดตั้งแต่ 1 ถ้วยตวง 1/2 ถ้วยตวง 1/3 ถ้วยตวง และ 1/4 ถ้วยตวง ถ้าเป็นถ้วยตวงของแห้งจะใช้ตวงส่วนผสมที่เป็นของแห้งเท่านั้นเช่น แป้ง น้ำตาล นมผง เนย ถ้าเป็นถ้วยตวงของเหลว ก็จะมีลักษณะเป็นแก้ว หรือพลาสติค แล้วจะมีขีเบอกปริมาตรอยู่ข้าง ๆ มีตั้งแต่ขนาด 1 ถ้วยตวง จนถึง 6 ถ้วยตวง ใช้ตวงของเหลวพวกนมสด น้ำ ไข่ขาว และของเหลวอื่น ๆ เวลาตวงก็ต้องให้ถ้วยอยู่ในระดับสายตาจึงค่อยอ่านค่าออกมา ถ้วยตวงและช้อนตวงที่กล่าวมาอาจใช้ในการตวงปริมาตรน้อย ๆ แต่ก็อาจเกิดการผิดพลาดในการตวงได้เช่น เวลาตวงแป้งอาจจะกดแป้งจนแน่นแล้วค่อยปาดให้เรียบร้อยเสมอขอบ ซึ่งก็จะทำให้ได้ปริมาตรที่ผิดไป ฉะนั้นถ้าต้องการได้สัดส่วนที่แน่นอนควรใช้ตาชั่ง ชั่งสิ่งของ ซึ่งตาชั่งนี้ก็มีหลายขนาดเช่นกัน ที่อยากจะแนะนำคือขนาด 1 กิโลกรัม เพราะจะสามารถชั่งของได้ตั้งแต่ 5 กรัมจนถึง 1 กิโลกรัม แต่ควรระวังอย่าใช้ชั่งของหนักเกิน 1 กิโลกรัม เพราะจะทำให้ตาชั่งเสียได้ ในการทำผลิตภัณฑ์เบเกอรี่นั้น การชั่ง ตวง ที่ถูกต้องเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะจะมีผลถึงผลผลิตที่ทำออกมาได้ ทั้งรส กลิ่น และรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ จึงไม่ควรที่จะให้กะเอาเอง

เครื่องผสมแบบต่าง ๆ เครื่องผสมมีประโยชน์ต่อการทำเบเกอรี่คือ ช่วยให้ส่วนผสมต่าง ๆ ทั้งของเปียกและของแห้งรวมกันได้ดีเป็นเนื้อเดียวกัน เช่นในการทำขนมปัง ช่วยให้โปรตีนกับน้ำรวมตัวกันจนเกิดเป็นกลูเตนที่มีลักษณะเหนียว ยืดหยุ่น สามารถจับปั้นเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้ หรือในการทำเค้กช่วยทำให้เกิดการรวมตัวของน้ำและไขมัน และส่วนผสมอื่น ๆ ของเค้ก ทำให้ได้ลักษณะเป็นของเหลวข้น เทใส่ภาชนะได้แต่ไม่สามารถปั้นเป็นรูปร่างได้ สำหรับการทำเค้กนั้นเครื่องผสมช่วยให้เค้กเกิดการขึ้นฟู เนื่องจากฟองอากาศที่เกิดขึ้นในระหว่างการตีผสม



เครื่องผสมที่ใช้ในการทำเบเกอรี่ สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภทคือ



เครื่องผสมแบบแนวตั้ง เป็นแบบที่นิยมใช้กันมากในการทำเบเกอรี่ เพราะสามารถใช้งานได้หลายอย่างตั้งแต่ตีไข่จนกระทั่งนวดแป้ง เครื่องผสมชนิดนี้จะมีตั้งแต่ขนาดเล็กจนกระทั่งถึงขนาดใหญ่ แล้วแต่ปริมาตรที่ต้องการจะใช้ อุปกรณ์ในตัวเครื่องจะประกอบไปด้วย แกนกลางที่มีเดือยสำหรับใส่เครื่องช่วยในการผสม ซึ่งมีอยู่ 3 ชนิดคือ



1. ชนิดที่เป็นตะขอ ใช้สำหรับนวดผสมแป้งให้เป็นก้อนโตในการทำขนมปัง โดยตะขอนี้จะทำการม้วนพับ ดึงก้อนแป้งเพื่อให้เกิดเป็นกลูเต็นที่ดี



2. ลักษณะเป็นรูปใบไม้ ใช้ตีเนยกับน้ำตาลให้ขึ้นฟู เพื่อทำเค้กที่ต้องตีเนยกับน้ำตาล หรือตีเนยกับแป้งอื่น ๆ เช่น พวกพายร่วนจ่าง ๆ หรือใช้ในการตีเนยกับน้ำตาลในการทำคุ้กกี้ การใช้หัวตีลักษณะนี้จะใช้ความเร็วของเครื่องระดับปานกลางเป็นส่วนใหญ่



3. เป็นลักษณะตะกร้อ ใช้สำหรับการตีไข่ให้เกิดฟองจะใช้กับความเร็วของเครื่องค่อนข้างสูง เพื่อให้ไข่ขึ้นฟูในระยะเวลาสั้น และไข่ก็อยู่ตัวด้วย ซึ่งมีผลต่อปริมาตรของเค้ก เค้กที่นิยมใช้ตะกร้อทำได้แก่ ชิฟฟอนเค้ก สปันจ์เค้ก หรือการตีเค้กแบบขั้นตอนเดียว



เครื่องช่วยในการผสมทั้ง 3 ชนิดนี้จะถอดเปลี่ยนได้โดยใช้ตัวเครื่องผสมตัวเดียวกัน และสามารถปรับอัตราความเร็วของเครื่องได้ตามความต้องการของผลิตภัณฑ์ เราจะเลือกใช้อุปกรณ์ทั้ง 3 ชนิดอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาดีเช่น ถ้านวดแป้งก็จะใช้ตะขอ ไม่ใช้ตะกร้อ และจะใช้ระดับความเร็วต่ำ ถ้าใช้ความเร็วมากเกินไปเครื่องจะไม่เดิน เนื่องจากส่วนผสมมีน้ำหนักมากและเครื่องอาจชำรุดได้



เครื่องผสมแบบแนวนอน เป็นเครื่องผสมที่ใช้นวดแป้งในการทำขนมปังแต่เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถใช้ตีไข่และเนยได้



เครื่องผสมแบบ 2 แขน ตัวเครื่องประกอบด้วยแขนเหล็ก 2 แขน ปลายงอ หมุนเข้าหากันและจะช่วยดึงยึดก้อนโด (DOUGH) อย่างช้า ๆ เมื่อเครื่องเดิน แขนทั้ง 2 จะหมุนมาสวนกันตรงกลางของอ่างผสม ดึงยึดและนวดก้อนโดที่อยู่ตรงกลางให้เข้ากัน อัตราเร็วของเครื่องแบบนี้มีอัตราเดียวและเป็นอัตราที่ช้ามาก ซึ่งจะทำให้สามารถนวดแป้งขนมปังได้ดีโดยที่ไม่ทำให้อุณหภูมิของโดร้อนเกินไปในระหว่างการผสม นอกจากขนมปังแล้วยังสามารถใช้ผสมแป้งพัฟเพสตรี้ และแป้งพายได้อีกด้วย เครื่องชนิดนี้จะใช้เวลาในการนวดแป้งน้อยกว่าการใช้เครื่องผสมแบบแนวตั้ง



นอกจากอุปกรณ์ที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีอุปกรณ์อีกหลายชนิดคือ



ตู้หมักและพักก้อนโด สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ยีสต์เป็นตัวช่วยทำให้ขึ้นฟู เช่น ขนมปังชนิดต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ใช้ยีสต์ จำเป็นจะต้องหมักเอาไว้ในห้องหมักหรือตู้หมักที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้ เพื่อให้ยีสต์ทำงานได้ดีในระหว่างการหมักแป้งที่นวดผสมจนได้ที่แล้ว จะต้องพักแป้งไว้ให้คลายตัว แล้วจึงนำมาทำรูปร่าง หรือใส่ไส้ต่อจากนั้นจึงนำไปหมักหรือปล่อยให้ขึ้นจนมีขนาดเป็น 2 เท่า การหมักแป้งหรือพักให้แป้งขึ้น ต้องการความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อจะให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สำเร็จออกมามีคุณภาพดี ตู้หมักแป้งนั้น ถ้าไม่มีความชื้นรวมอยู่ด้วยจะทำให้ขนมนั้นแห้ง เนื้อขนมกระด้างได้ เนื่องจากความชื้นที่มีอยู่ในก้อนแป้งระเหยออกไปในระหว่างการหมัก แต่เราอาจจะใช้การต้มน้ำส่งผ่านเข้าไปในตู้หรือห้องหมักนั้น และทำการควบคุมด้วยตนเอง ถ้าเป็นการทำเบเกอรี่ในห้องธรรมดาหรือในบ้านเราที่มีอากาศค่อนข้างร้อน อาจจะไม่ต้องอาศัยตู้หมักเลยก็ได้ โดยตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องแล้วใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด หรือใช้แผ่นพลาสติคคลุมก้อนโดเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้ผิวหน้าของโดนั้นแห้ง



เครื่องตัดแป้งก้อนโต เครื่องชนิดนี้ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ในอุตสาหกรรมขนาดย่อมจนถึงขนาดใหญ่ ๆ เพื่อทุ่นเวลาและแรงงานในการแบ่งก้อนโดให้เท่า ๆ กัน เครื่องชนิดนี้จะแบ่งก้อนโดได้ตามน้ำหนักที่ต้องการแล้วคลึงให้กลม วิธีการใช้ก็ง่ายโดยคลึงก้อนโดที่ต้องการตัดให้เรียบเนียนเป็นก้อนใหญ่ จากนั้นตั้งทิ้งไว้พักหนึ่งแล้วใช้มือกดทำให้แนบลงบนแผ่นโลหะที่เป็นหลุม สอดแผ่นโลหะที่มีก้อนโดลงไปใต้ตัวเครื่องแล้วกดลง ก็จะได้ก้อนโดที่ถูกตัดเป็นก้อนกลมเรียบร้อย



เครื่องรีดม้วนโด มีหน้าที่ในการทำโดให้มีรูปร่างสม่ำเสมอ และปั้นให้เป็นรูปร่างตามต้องการ ขนมปังที่ผ่านเครื่องรีดเมื่ออบสุกแล้ว จะมีเนื้อเนียนเรียบสม่ำเสมอในพิมพ์ การรีดแป้งทำได้โดยนำก้อนโดที่พักตัวแล้วป้อนเข้าไปในระหว่างลูกกลิ้ง 2 ตัว ลูกกลิ้งจะรีดให้เป็นแผ่นบาง ๆ และจะม้วนแผ่นโดให้เป็นรูปหนอนหรือทรงกระบอกออกมา แล้วจับใส่พิมพ์โดยที่ไม่ต้องม้วนด้วยมือ ถ้าไม่มีเครื่องรีดม้วนโด อาจทำได้โดยใช้ไม้คลึง คลึงแป้งให้แบน มีขนาดและความยาวตามต้องการ จากนั้นทำการม้วนแล้วเย็บตะเข็บให้สนิท เอาใส่พิมพ์โดยให้ตะเข็บก้อนโดอยู่ข้างใต้



ตู้อบ ตู้อบที่ใช้ในเบเกอรี่มีหลายชนิด ทั้งใช้ไฟฟ้า ก็าซ และน้ำมัน ตู้อบโดยทั่ว ๆ ไปมีหลายแบบ เช่นแบบเป็นชั้น โดยบานตู้เปิดออกด้านหน้า และแบบเป็นชั้นหมุนรอบตัว สำหรับขนาดของตู้อบที่ใช้ขึ้นอยู่กับปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจะทำ ตู้อบที่ดีจะต้องควบคุมอุณหภูมิได้ เพราะเบเกอรี่ส่วนใหญ่อุณหภูมิในการอบนั้น มีความสัมพันธ์กับลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่จะได้ ให้มีลักษณะตามต้องการ ในกรณีที่ตู้อบไม่มีเครื่องควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ตามต้องการ ก็ควรจะมีเทอร์โมมิเตอร์ที่ใช้โดยเฉพาะสำหรับตู้อบวางไว้ในตู้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการตรวจสอบอุณหภูมิที่แน่นอนของตู้อบก่อนที่จะนำผลิตภัณฑ์เข้าอบ ตู้อบเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการทำผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เพราะขนมทุกอย่างจะต้องผ่านการอบให้สุก ราคาของตู้อบนั้นจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำมาทำเช่น เหล็ก สแตนเลส หรือใยแก้วที่บรรจุอยู่ภายใน เพื่อเก็บความร้อน ตู้อบที่ดีควรมีอุณหภูมิที่สม่ำเสมอ เก็บความร้อนได้นาน ซึ่งจะทำให้ไม่เปลืองเชื้อเพลิง ถ้าตู้อบนั้นมีใยแก้วบุอยู่น้อยก็จะทำให้อุณหภูมิในตู้อบไม่คงที่ อุณหภูมิสามารถขึ้นหรือลงได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อควรพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อน โดยอาจดูจากยี่ห้อ บริษัทผู้ผลิต หรือราคาก็จะเป็นตัวกำหนดคุณภาพของตู้อบได้เช่นกัน



สำหรับตู้อบที่ใช้ภายในบ้านบางชนิดจะมีเข็มบอกความร้อนของตู้ 3 ระดับคือ ต่ำ ปานกลางและสูง ตู้อบประเภทนี้มักจะควบคุมอุณหภูมิไม่ได้ จะต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์แขวนไว้ในตู้ เพื่อช่วยบอกอุณหภูมิของตู้ก่อนที่จะนำขนมเข้าอบ อุณหภูมิของตู้อบจะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ตั้งเอาไว้จึงนำขนมเข้าไปอบ



เครื่องหั่นขนมปัง เป็นเครื่องที่ประกอบด้วยลวดฟันเลื่อยหลายเส้น ซึ่งทำหน้าที่ตัดขนมปังให้เป็นแผ่นที่มีความหนาเท่า ๆ กัน ตามมาตรฐานความหนาของแผ่นคือ 1 เซนติเมตร เครื่องชนิดนี้สามารถปรับหันตามความกว้างยาวของแท่งขนมปังได้ เครื่องหั่นขนมปังนี้ ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการทำขนมปังแซนวิชเท่านั้น เพราะการหั่นขนมปังด้วยมือนั้นเป็นการยากที่จะได้แผ่นขนมปังที่เรียบสม่ำเสมอ และมีความหนาที่เท่า ๆ กัน

นอกจากอุปกรณ์ที่ได้กล่าวมาทั้งหมดแล้ว ยังมีอุปกรณ์เบเกอรี่อีกหลายชนิดที่เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเช่น พายยาง มีดขนาดต่าง ๆ สปาตูล่า แร็ค ฯลฯ เป็นอุปกรณ์ที่มีราคาถูกและหาซื้อได้ง่าย

Friday, April 22, 2011

ห่อหมกย่าง ใส่มะพร้าวอ่อน





อุปกรณ์ ที่จำเป็นต้องใช้หลัก ๆ ก็มี...อ่างผสม, กะละมัง, ทัพพี, ตะแกรง, เตาถ่านสำหรับใช้ย่าง หรือใช้เตาไฟฟ้าย่างก็ได้, ที่คีบถ่าน, ที่คีบห่อหมก, ครก, ถาด, มีด, เขียง, ไม้พาย, ไม้กลัด, ใบตองสำหรับห่อ



สำหรับวัตถุดิบที่ใช้หลัก ๆ ก็มี... เนื้อปลายี่สกขูด, น้ำกะทิเข้มข้น, น้ำพริกแกงเผ็ด, ไข่เป็ดสด, เนื้อมะพร้าว, น้ำมะพร้าว, เกลือ, ใบมะกรูดหั่นฝอย ใช้โรยให้หอม ส่วนผักสดที่ใช้รองห่อหมกก็มีใบโหระพา, ใบชะพลู



ส่วนผสมของพริกแกงเผ็ด... ตะไคร้หั่นฝอย, ข่าหั่นฝอย, พริกแห้งแกะเม็ด, ผิวมะกรูด, หอมแดง, กะปิ, กระเทียม, พริกไทยดำเม็ด และกระชายซอยละเอียด



----ขั้นตอนการทำ ห่อหมกย่างมะพร้าวอ่อน เริ่มแรกต้องทำน้ำพริกแกงเผ็ดก่อน โดยการนำเอาส่วนผสมของพริกแกงเผ็ดทั้งหมดใส่ครก แล้วทำการโขลกจนละเอียด แล้วจึงใส่กะปิ ใช้สากย้ำ ๆ ให้กะปิกับน้ำพริกแกงเผ็ดเข้ากัน ตั้งพักไว้



---นำมะพร้าวอ่อนที่เตรียมไว้มาปาดฝาออก เทน้ำมะพร้าวออก ใช้เล็บแมวขูดเนื้อมะพร้าวเตรียมไว้





-----นำน้ำกะทิเข้มข้น และน้ำพริกแกงเผ็ดโขลกที่เตรียมไว้ใส่ลงในอ่าง คนให้ส่วนผสมพอเข้ากันดี จึงค่อยตอกไข่เป็ดใส่ตามลงไปในอ่าง ตามด้วยเนื้อปลาขูด น้ำมะพร้าวอ่อนพอประมาณ ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา ใช้ไม้พายคนไปเรื่อย ๆ ให้ส่วนผสมเข้ากันจนงวดข้น เทคนิคการคนส่วนผสมต้องคนไปทางเดียวเหมือนเข็มนาฬิกา ถ้าหากคนกลับไปกลับมาคนละทางจะทำให้ส่วนผสมคืนตัว



ขั้นตอนสุดท้ายก่อนนำไปห่อใบตอง นำกระชายซอย ใบมะกรูดหั่นฝอย เนื้อมะพร้าวอ่อนขูด ใส่ตามลงไปในส่วนผสม คนเพียงเล็กน้อยพอให้เข้ากันทั่ว จากนั้นก็ตั้งพักไว้



นำใบตองที่เช็ดสะอาดดีแล้วมาฉีกให้ได้ขนาด 6 นิ้ว นำใบตองมาซ้อนกัน 2 ชั้น ให้ด้านมันอยู่ด้านนอก นำผักสดที่เตรียมไว้มารองก่อน แล้วจึงตักส่วนผสมที่ทำสำเร็จแล้วมาใส่แผ่ลงในใบตองพอประมาณ ให้หนาประมาณ 1 ซม. แล้วทำการห่อปิดให้มิดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้ไม้กลัดปิดหัวปิดท้ายให้เรียบร้อย ก่อนจะนำไปย่างบนเตาด้วยการใช้ไฟความร้อนปานกลาง หมั่นพลิกกลับไปกลับมา จนห่อหมกย่างมีสีเหลืองหอมชวนรับประทาน ใช้เวลาในการย่างประมาณ 15 นาทีเท่านั้นก็เป็นอันเสร็จ



เคล็ดลับความอร่อย---อยู่ที่น้ำพริกแกงเผ็ดซึ่งตำเอง มีกลิ่นหอมของสมุนไพรที่มากด้วยคุณประโยชน์ และเพิ่มรสชาติด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน



ราคาขาย ถ้าขายส่งอยู่ที่ห่อละ 8 บาท ขายปลีกห่อละ 10 บาท ทุกวันจะมีแม่ค้ามารับ---ไปขายที่ตลาดนัด โดยนำไปย่างขายเอง



ใครสนใจทำ ห่อหมกย่างมะพร้าวอ่อนขาย ก็ลองฝึกฝนหาความชำนาญกันดู หรือหากต้องการติดต่อกับตุ๊กตา-นลินรัตน์ ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 0-2957-3778, 08-1935-7002, 08-1854-5495 ทั้งนี้ ปัจจุบันตุ๊กตายังเป็นวิทยากรประจำศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดปทุมธานี เป็นวิทยากรพิเศษของสำนักงานจัดหางานจังหวัดปทุมธานี ซึ่งสอนกลุ่มแม่บ้านในจังหวัดในเรื่องงานปั้น อาหาร และขนมต่าง ๆ ด้วย.

Monday, April 18, 2011

น้ำพริก คุณ วิไล ขายดี กำไรงาม






” ช่วงที่คิดจะขายน้ำพริก ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร เรื่องรายละเอียดสินค้า อาทิ ภาชนะใส่ สติ๊กเกอร์ติดข้างกระปุก ฟิล์มหดใช้สำหรับแพ็กน้ำพริก เครื่องบดน้ำพริก แต่ทั้งหมดได้อาจารย์ที่ศูนย์อาชีพฯ ไปช่วยตระเวนเลือกซื้ออุปกรณ์ตามสถานที่ต่างๆ ด้วยกัน ซึ่งถือว่าเป็นความประทับใจอย่างยิ่ง”

ทุกวันนี้การจะ ขายสินค้าแต่ละอย่าง ยากมากขึ้นทุกขณะ เนื่องจากการแข่งขันสูงขึ้นกว่าแต่ก่อน ชนิดว่าถ้าไม่มีอะไรโดดเด่น แตกต่าง มีคุณสมบัติเหนือชั้นกว่า ราคาจูงใจมากกว่า อยู่ในทำเลที่ดีกว่า หรือบริการดีเลิศ ก็อย่าหวังว่าลูกค้าจะให้การยอมรับ ฉะนั้น ถ้าคิดจะลงทุนเป็นเจ้าของกิจการทั้งที ควรสรรหาข้อมูลรอบด้าน มีสังคมที่กว้างขวาง ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ



ซึ่งศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน ไม่ลำพังถ่ายทอดวิชาชีพ ยังสอนเรื่องที่คนเป็นเจ้าของธุรกิจควรจะรู้ อาทิ การบริหารต้นทุน การตลาด การเข้าถึงความต้องการลูกค้า ค้าขายอย่างไรให้มีกำไร การรับมือกับคู่แข่ง วิธีแก้ปัญหาในงานนั้นๆ แหล่งซื้อวัสดุ-อุปกรณ์ ฯลฯ ทุกเนื้อหาเส้นทางเศรษฐีเชื่อว่าล้วนเป็นประโยชน์



นอกจากข้อมูลจะ สามารถนำไปใช้ได้จริงแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นสำหรับสถาบันแห่งนี้คือ ครูผู้สอน ที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ชนิดไม่มีกั๊ก ให้ความจริงใจ ใส่ใจ ที่สำคัญ ร่วมสร้างธุรกิจของลูกศิษย์ให้เจริญก้าวหน้า และอยู่เคียงข้างในวันที่เกิดปัญหา เฉกเช่น คุณสุธาเสก ชวนรุ่งเรือง หรือ คุณตง และ คุณวิไลวรรณ คำเวียงจันทร์ หรือ คุณหน่อย สองเจ้าของกิจการน้ำพริก “คุณวิไลวรรณ” ที่มืดแปดด้าน ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครตอนจะเริ่มสร้างกิจการขายน้ำพริก แต่เพราะได้อาจารย์ดี ปัจจุบันสวมบทบาทเจ้าของกิจการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



เรียนวันเดียว ลงมือทำเลย



รับเงิน 2 ทาง ทั้งน้ำพริก & งานช่าง



คุณ ตง เริ่มต้นเล่าประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ว่า เดิมช่วยงานด้านระบบขนส่งของพี่สาว อยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทว่าไม่คิดจะปักหลักอยู่ที่ภาคใต้ เนื่องจากพื้นเพตนเอง เป็นคนจังหวัดนครนายก จนเมื่อปี 2552 ตัดสินใจกลับบ้านเกิดเพื่อสร้างฐานะ และอยู่กันพร้อมหน้าครอบครัว ภรรยา และลูกสาว 3 คน



ภายหลังขยัน ช่วยงานพี่สาวได้ 4 ปี คุณตงเลือกเดินทางกลับมาตั้งตัว โดยคิดจะประกอบอาชีพที่ถนัด นั่นคือ งานช่าง แต่เพื่อให้มีความรู้รอบด้าน ประกอบกับเพิ่มความมั่นใจ ตัดสินใจเข้ารับการอบรมอย่างจริงจังที่ศูนย์อาชีพฯ ด้วยวิชากระจกโครงอะลูมิเนียม มุ้งลวดเหล็กดัด “ส่วนตัวชอบอ่านหนังสือในเครือมติชน ทำให้รู้จักศูนย์อาชีพฯ อีกทั้งมั่นใจในชื่อเสียงที่สั่งสมมานานกว่า 10 ปี เวลาเรียนเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ไม่กระทบงานประจำ ที่สำคัญ ค่าเล่าเรียนไม่แพง แถมได้รับประกาศนียบัตรสร้างความภาคภูมิใจ”


เชื่อ หรือไม่ว่า ระยะเวลาเพียง 1 วัน ที่เข้าไปรั้วฝึกอาชีพ จะสามารถทำให้คุณตงกล้าลงทุน 300,000 บาท ซื้อวัสดุ-อุปกรณ์ พร้อมกับแปลงโฉมบ้านเป็นหน้าร้าน เพื่อรับงานตกแต่งภายในโดยใช้อะลูมิเนียม แต่ทว่ากิจการดังกล่าวใช้เงินหมุนเวียนสูง ผ่านไปราว 5 เดือน เขาจึงคิดหาอีกหนึ่งอาชีพมารองรับ



“มั่นใจในความรู้วิชากระจกโครง อะลูมิเนียมมาก เพราะอาจารย์สอนดี ได้รับเทคนิคมาเพียบ สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานช่างอื่นอีกสารพัด อีกทั้งได้คนงานจากอาจารย์มาช่วย ทำให้ไม่ต้องจ้างพนักงานประจำ จ้างเป็นครั้งคราว ลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก แต่ทว่าเล็งเห็นภรรยาอยู่บ้าน พอมีเวลาว่าง เลยปรึกษากันหาช่องทางสร้างรายได้เสริมจุนเจือครอบครัว”



เบื้อง ต้น สองสามีภรรยาเริ่มจากนำผลไม้มาขายตามฤดูกาล แต่รายรับไม่แน่นอน ประกอบกับมีปัญหาจุกจิก หนที่สุดเลยยุติ หันมาเอาดีในการปรุงอาหารแทน “ลูกสาวทั้ง 3 คน ชอบรสมือในการทำอาหารของแม่มาก โดยเฉพาะเมนูน้ำพริกอ่อง เป็นที่โปรดปรานทั้งบ้าน ซ้ำเพื่อนบ้านก็ชมว่าอร่อย เลยจะลองทำขาย แต่เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือก เลยเข้าไปเรียนวิชาน้ำพริกกระปุก 8 รายการ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ถึง 2 ครั้ง รวม 16 เมนู ยังศูนย์อาชีพฯ เดิม”



ทว่า ผู้ที่มาเรียนไม่ใช่ฝ่ายหญิง กลับเป็นสามี เหตุผลมีอยู่ว่า คุณหน่อยไม่เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ฉะนั้น คุณตงเลยรับหน้าที่ลูกศิษย์ที่ดี นั่นคือ ตั้งใจร่ำเรียนอย่างเต็มที่ และนำความรู้ไปถ่ายทอดต่ออย่างสุดความสามารถ “ตอนมาเรียนเป็นผู้ชายคนเดียวทั้งห้อง เมนูน้ำพริก 16 อย่าง ที่ได้ไป อาทิ น้ำพริกตาแดง น้ำพริกแมงดา น้ำพริกปลากรอบ น้ำพริกเผากุ้ง น้ำพริกมะขาม น้ำพริกปลาร้าหรือแจ่วบอง น้ำพริกไตปลาเสวย น้ำพริกขิงปลาฟู น้ำพริกตาแดงมะม่วง ตาแดงไข่เค็ม นรกหมูหย็อง พริกเผาหมูหย็อง น้ำพริกกุ้งเสียบ แต่ที่ทำขายมี 9 เมนูคือ น้ำพริกตาแดง น้ำพริกแมงดา น้ำพริกปลากรอบ น้ำพริกแจ่วบอง น้ำพริกเผา น้ำพริกนรกเผ็ดมาก น้ำพริกนรกเผ็ดน้อย น้ำพริกกุ้งเสียบ น้ำพริกนรกแมงดา”







มั่นใจขายแพงกว่าได้



ขั้นตอนปรุง มีมาตรฐาน



สาเหตุ ที่ผู้ประกอบการรายนี้ เลือกขายน้ำพริก 9 เมนูดังกล่าว เจ้าตัว บอกว่า เป็นรสชาติที่คนนิยม วัตถุดิบหาซื้อง่าย ทำง่าย แต่เพื่อสร้างความมั่นใจ และดูกระแสตอบรับ ช่วงแรกทดลองทำให้เพื่อนละแวกบ้านช่วยชิม ผลปรากฏว่า ส่วนใหญ่ชอบ แต่บางส่วนอยากให้ลดความหวาน และรสเผ็ด เลยค่อยๆ ปรับส่วนผสมลงทีละ 1/2-1 ขีด และเพื่อให้ได้รสชาติคงเดิมทุกครั้ง จะเลือกใช้เครื่องปรุงยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งไปเลย



สำหรับเงินลงทุน คุณตง บอกว่า เบ็ดเสร็จ 50,000 บาท ส่วนใหญ่ใช้ซื้อวัสดุ-อุปกรณ์ อาทิ เครื่องบด มอเตอร์ กระทะ เตาแก๊ส กะละมังสเตนเลส โต๊ะ-เก้าอี้อะลูมิเนียม ตู้ เครื่องครัวจุกจิก และวัตถุดิบหมุนเวียน



เมื่อมั่นใจในรสชาติ น้ำพริกว่าอร่อย ถึงขั้นขายได้ สองสามีภรรยาไม่รอช้า ทำจำหน่ายทันที สักระยะเริ่มคิดการณ์ไกล อยากขยายกิจการให้ได้มาตรฐาน และคิดจะขยายจากครัวเรือน เป็นอุตสาหกรรม นั่นคือ ต้องมีเครื่องหมาย อย. และ มผช. มาการันตี “ถ้าคิดจะขายของกิน ต้องให้ลูกค้ามั่นใจ ว่ากินแล้วปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย อีกทั้งส่วนมากเมนูน้ำพริก ผู้หญิงจะนิยมกินมากกว่าผู้ชาย ซึ่งเพศหญิง มีความละเอียด รอบคอบ ก่อนกินมักสำรวจผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดว่ามีมาตรฐานหรือไม่ ฉะนั้น ถ้าคิดจะทำธุรกิจให้ยั่งยืน และรองรับการเติบโต ต้องมีเครื่องหมายที่ทุกคนยอมรับ นั่นคือ อย. และตอนนี้กำลังขอ มผช.”



เมื่อ ได้เครื่องหมาย อย. มาตีตราน้ำพริก ทำให้ยอดขายดีขึ้นบ้างหรือไม่ ได้ความว่า ยอดขายดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจากเพิ่งเปิดตลาดได้เพียง 4 เดือน แต่ขณะนี้พยายามเพิ่มช่องทางขาย อาทิ ออกงานกับหน่วยงานภาครัฐ ออกบู๊ธตามอำเภอ ขายตามตลาดนัด ฝากขายตามร้านขายของที่ระลึก ร้านขายของชำ ออกโฆษณาวิทยุชุมชน แต่ที่มีออร์เดอร์เข้ามามากที่สุดคือ ลูกสาวคนโตช่วยนำไปจำหน่ายที่ทำงาน



สำหรับกำลังการผลิต และแรงงาน เจ้าของกิจการ บอกว่า ทุกวันนี้ภรรยาผัดน้ำพริกได้วันละ 12-15 กิโลกรัม ส่วนแรงงานล้วนเป็นคนในครอบครัว แต่หากกิจการดีขึ้น จำเป็นต้องจ้างพนักงาน จะเน้นเป็นผู้หญิงก่อน เพราะมีนิสัยรักการทำอาหาร ละเอียด รอบคอบ พิถีพิถัน



เมื่อกิจการมีกระบวนการผลิตเป็นมาตรฐาน ถามว่า ส่งผลต่อต้นทุน หรือราคาขายเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ทราบจากคุณตงว่า ตั้งแต่เริ่มต้นกิจการ ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้ออยู่แล้ว ว่าเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง เพราะราคาน้ำพริก จะแพงกว่าในท้องถิ่น 5 บาท เนื่องจากใช้วัตถุดิบดี มีคุณภาพ “เราเน้นที่รสชาติ ความสะอาด และเน้นทำตามสูตรที่ได้เรียนมา ดังนั้น วัตถุดิบและส่วนผสมที่ใส่ นอกจากเลือกแต่ของดี ยังไม่สามารถลดจำนวนลงได้ ฉะนั้น ถ้าลูกค้าได้ลองชิม จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ารสชาติอร่อย”



เคยท้อแต่ไม่ถอย



ได้ครูดี ช่วยเหลือทุกอย่าง



ปัจจุบัน แหล่งซื้อวัตถุดิบ อาทิ พริก หัวหอม กระเทียม ของแห้งต่างๆ คุณตงกับภรรยา จะซื้อที่ตลาดไท และในจังหวัดนครนายก ส่วนภาชนะใส่น้ำพริก ซื้อที่บางใหญ่ ฟิล์มหด ซื้อที่เขตราชวงศ์ และกว่าเจ้าตัวจะทราบแหล่งจำหน่ายของใช้จำเป็นทั้งหมด เรียกว่าเคยสิ้นหวัง จนเกือบยุติกิจการ



“ช่วงที่คิดจะขายน้ำพริก ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร เรื่องรายละเอียดสินค้า อาทิ ภาชนะใส่ สติ๊กเกอร์ติดข้างกระปุก ฟิล์มหดใช้สำหรับแพ็กน้ำพริก เครื่องบดน้ำพริก แต่ทั้งหมดได้อาจารย์ที่ศูนย์อาชีพฯ ไปช่วยตระเวนเลือกซื้ออุปกรณ์ตามสถานที่ต่างๆ ด้วยกัน ซึ่งถือว่าเป็นความประทับใจอย่างยิ่ง”



ถือได้ว่ายามลูกศิษย์มี ปัญหา ครูย่อมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ชนิดว่าตอนนี้ น้ำพริกคุณวิไลวรรณ แทบไม่มีปัญหาเรื่องแหล่งซื้อของใช้จำเป็น จะมีก็แต่เรื่องระยะทาง เพราะอาศัยอยู่ต่างจังหวัด



สำหรับเมนูขายดี เห็นเจ้าของร้าน บอกว่า เป็นน้ำพริกกุ้งเสียบ เพราะมีหลายรสชาติ นั่นคือ หวาน เค็ม มัน มีส่วนผสมหลายอย่าง ทั้ง สมุนไพรไทย เนื้อกุ้ง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ รองลงมา เป็นน้ำพริกนรก ส่วนเมนูอื่น จำหน่ายได้เรื่อยๆ



ทางด้านการคืนทุน ตอนนี้ยังไม่คืนเงินต้น แต่สร้างรายได้ให้คุณตงทุกวัน นั่นคือ น้ำพริก 1 กระปุก ได้กำไร กระปุกละ 5 บาท “น้ำพริก บรรจุ 1 ขีด ราคาส่ง 15 บาท ขายปลีก กระปุกละ 20 บาท เป็นค่าบรรจุภัณฑ์ 3 บาท ค่าวัตถุดิบ 5 บาท และค่าการตลาด เบ็ดเสร็จ เหลือกำไร กระปุกละ 5 บาท”



แม้เพิ่งเริ่ม สร้างธุรกิจ แต่สิ่งที่สองสามีภรรยาตั้งเป้าหมายไว้ในอนาคตคือ จะขยายกิจการในรูปแบบเพิ่มพนักงาน เพิ่มเครื่องจักร นำสินค้าไปจำหน่ายจังหวัดอื่น พัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีสีสันสวยงาม เพิ่มเมนูให้มีความหลากหลาย ส่วนกิจการกระจกโครงอะลูมิเนียม ยังคงไม่ทิ้ง เพราะมีงานเข้ามาเรื่อยๆ



นับว่า บริหาร 2 กิจการควบคู่ได้อย่างลงตัว สำหรับคุณตงและภรรยา เพราะต่างคนมีความชอบ และถนัด คนละแบบ ฝ่ายชายถนัดงานช่าง ฝ่ายหญิงเข้าครัวปรุงน้ำพริก



สนใจ อุดหนุน น้ำพริก คุณวิไลวรรณ หรือบริการงานกระจก อะลูมิเนียม มุ้งลวด งานเหล็กทุกชนิด ติดต่อ ที่ โทรศัพท์ (084) 198-3803, (084) 748-9777







น้ำพริกตาแดง สูตรทำขาย



ส่วนผสม



หอมแดง 1.5 กิโลกรัม



กระเทียม 2 กิโลกรัม



กะปิ 500 กรัม



น้ำตาลปี๊บ 700 กรัม



มะขามเปียก 1 กิโลกรัม



เกลือ 100 กรัม



กุ้งแห้งป่น 500 กรัม



พริกขี้หนูแห้ง 500 กรัม



คนอร์ 200 กรัม



ปลาน้ำดอกไม้ 500 กรัม



วิธีทำ



1. ปอกหอมแดง กระเทียม พริกขี้หนูแห้ง คั่วให้หอม และบดละเอียด



2. ต้มปลาน้ำดอกไม้ให้สุก แกะเอาแต่เนื้อ บดกับมะขามเปียกให้ละเอียด



3. นำส่วนผสมข้อ 1 และข้อ 2 คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ เกลือ น้ำปลา กะปิ จากนั้นลงผัดให้หอม โดยใช้ไฟอ่อน ผัดต่อประมาณ 1 ชั่วโมง จนรู้สึกว่าน้ำพริกค่อนข้างแห้ง



4. ตักน้ำพริกขณะยังร้อน ใส่ขวดแก้ว กระปุก หรือถุงพลาสติค ที่สะอาด ปิดฝาให้สนิท คว่ำขวดลง 5 นาที กลับขึ้นนำไปลวกน้ำร้อน และทิ้งขวดให้แห้งสนิท



*** หมายเหตุ สูตรน้ำพริกตาแดงดังกล่าวสามารถทำน้ำพริกได้ 6.5 กิโลกรัม



น้ำพริกแมงดา สูตรทำขาย



ส่วนผสม



หอมแดง 1.5 กิโลกรัม



กระเทียม 1.5 กิโลกรัม



กะปิ 500 กรัม



น้ำตาลปี๊บ 700 กรัม



มะขามเปียก 1 กิโลกรัม



เกลือ 100 กรัม



กุ้งแห้งป่น 500 กรัม



พริกขี้หนูแห้ง 500 กรัม



คนอร์ 200 กรัม



ปลาน้ำดอกไม้ 500 กรัม



กลิ่นแมงดา 4-5 ขวด



แมงดาปิ้งไฟ



น้ำปลา



วิธีทำ



1. ปอกหอมแดง กระเทียม พริกขี้หนูแห้ง คั่วให้หอม ส่วนแมงดาปิ้งไฟ นำมาบดเข้ากันให้ละเอียด



2. ต้มปลาน้ำดอกไม้ให้สุก แกะเอาแต่เนื้อ บดกับมะขามเปียกให้ละเอียด



3. นำส่วนผสมข้อ 1 และข้อ 2 คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ เกลือ น้ำปลา จากนั้นลงผัดให้หอม โดยใช้ไฟอ่อนผัดต่อประมาณ 1 ชั่วโมง จนรู้สึกว่าน้ำพริกค่อนข้างแห้ง เพราะน้ำพริกยิ่งแห้งจะเก็บรักษาได้นานขึ้น



4. เมื่อผัดจนแห้งได้ที่ ใส่กลิ่นแมงดา พร้อมแมงดาที่ปิ้งแล้วลงคลุกให้ทั่ว



5. ใช้ขวดแก้ว กระปุก หรือพลาสติคแข็งที่ทนความร้อน บรรจุน้ำพริกลงไปขณะยังร้อน ปิดฝาให้สนิท คว่ำขวดลง 5 นาที กลับขึ้นนำไปลวกน้ำร้อน และทิ้งขวดให้แห้งสนิท



*** หมายเหตุ สูตรน้ำพริกแมงดานี้ สามารถทำน้ำพริกได้ 6.5 กิโลกรัม



ข้อมูลจำเพาะ



กิจการ บริการงานกระจก อะลูมิเนียม มุ้งลวด งานเหล็กทุกชนิด และจัดจำหน่ายน้ำพริกยี่ห้อ “คุณวิไลวรรณ”



เจ้าของกิจการ คุณสุธาเสก ชวนรุ่งเรือง หรือ คุณตง และ คุณวิไลวรรณ คำเวียงจันทร์ หรือ คุณหน่อย



ลักษณะกิจการ ครอบครัว



เงินลงทุน งานอะลูมิเนียม 300,000 บาท น้ำพริก 50,000 บาท



จุดเด่น นอกจากรสชาติที่ดีแล้ว ยังปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐาน ได้รับเครื่องหมาย อย.



รูปแบบการขาย ขายส่ง ขายปลีก



สถาน ที่จำหน่าย ออกงานกับหน่วยงานภาครัฐ ออกบู๊ธตามอำเภอ ขายตามตลาดนัด ฝากขายตามร้านขายของที่ระลึก ร้านขายของชำ ออกโฆษณาวิทยุชุมชน ลูกสาวคนโตช่วยนำไปจำหน่ายที่ทำงาน



ราคา ขายส่งกระปุกละ 15 บาท ขายปลีก 20 บาท



กำลังการผลิต ผัดน้ำพริกได้ วันละ 12-15 กิโลกรัม



กำไร กระปุกละ 5 บาท



โทรศัพท์ (084) 198-3803, (084) 748-9777

การบรรจุหีบห่อและการเก็บรักษา น้ำพริก ให้ได้นาน

การบรรจุหบห่อและ


การเก็บรักษา





--------------------------------------------------------------------------------

ภาชนะบรรจุ และวิธีการบรรจุ ที่สะอาด และถูกหลักอนามัย จะปลอดภัยต่อ ชีวิตผู้บริโภค และไม่มีผลทำลาย สิ่งแวดล้อม

















การบรรจุหีบห่อและการเก็บรักษา



1. ความสำคัญของการบรรจุหีบห่อและการเลือกภาชนะบรรจุ



ความสำคัญของการบรรจุหีบห่อ

การบรรจุหีบห่อมีความสำคัญต่อสินค้าทุกประเภท เพราะช่วยป้องกัน และรักษาคุณภาพของสินค้าให้เหมือนเดิม มากที่สุดสะดวก ต่อการ ขนส่ง การเก็บรักษา ทั้งยังเป็นตัวกลาง ในการให้ข้อมูล เกี่ยวกับสินค้า ที่บรรจุภายใน นอกจากนี้การบรรจุหีบห่อ ยังเป็นการส่งเสริม การขาย อีกวิธีหนึ่งด้วย



การเลือกภาชนะบรรจุ

ภาชนะสำหรับบรรจุน้ำพริกเมืองเหนือนิยมใช้ใบตอง ถุงพลาสติก สำหรับการขายปลีกหรือการขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ระยะเวลา ในการขนส่งหรือการจำหน่ายอยู่ในระยะสั้นการใช้ใบตองห่อ เป็นการ บรรจุหีบห่อที่มีมาแต่โบราณ เป็นวิธีบรรจุหีบห่อ ที่ปลอดภัย ต่อผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม และยังช่วยลด ขยะมูลฝอยที่ย่อยสลายยาก จำพวก พลาสติก ชนิดต่าง ๆ



สำหรับการขายส่ง ตามห้างร้าน ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ นิยมบรรจุ ขวดแก้ว ขวดพลาสติก ซึ่งจะใช้ขวดที่มีลักษณะ ปากกว้าง สามารถ ใช้ช้อนหรือ อุปกรณ์อื่นตักออกจากขวดได้



2. วิธีบรรจุน้ำพริกเมืองเหนือ



ในที่นี้จะกล่าวถึงวิธีบรรจุน้ำพริกเมืองเหนือโดยใช้ขวดแก้ว เพื่อ จำหน่ายส่ง และให้สามารถเก็บไว้ได้นาน



อุปกรณ์ที่ใช้ในการบรรจุขวด



1. หม้อนึ่งหรือรังถึง เพื่อใช้ในการฆ่าเชื้อและไล่อากาศ

2. กรวยสำหรับบรรจุน้ำพริกลงขวด และทัพพีที่ผ่านการ ลวกน้ำร้อน เพื่อฆ่าเชื้อโรคแล้ว

3. ขวดสำหรับบรรจุ



วิธีบรรจุ

ทำความสะอาดภาชนะบรรจุโดยการนึ่งในรังถึง แล้วบรรจุน้ำพริก ลงให้เต็มขวด ไม่ต้องอัดให้แน่น เว้นที่ว่างจากขอบ บนปากขวด ประมาณ 1 นิ้ว เช็ดปากขวดให้สะอาด นำไปนึ่งนาน 10-15 นาที แล้วนำออกมา ปิดฝาให้แน่นทันที เช็ดขวดให้แห้ว เก็บไว้ใน ที่อากาศเย็น ไม่อบอ้าว ห่างไกลจาก แสงสว่าง ปิดฉลากแสดงชื่ออายุ และรายละเอียดของน้ำพริกนั้น ๆ นำออกจำหน่าย







3. วิธีเก็บรักษาน้ำพริกเมืองเหนือ







น้ำพริกเมืองเหนือประเภทแห้ง เช่น น้ำพริกแดง จะเก็บได้นาน กว่า น้ำพริกเมืองเหนือประเภทที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ เช่น น้ำพริกหนุ่ม และน้ำพริกอ่อง



โดยปกติแล้วน้ำพริกเหนือประเภทแห้งจะเก็บได้ประมาณ 5 วัน แต่ถ้าเก็บในตู้เย็นสามารถเก็บได้ประมาณ 1-2 เดือน



สำหรับน้ำพริกเมืองเหนือที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ จะเก็บได้ ประมาณ 1 วัน ถ้าเก็บ ในตู้เย็นเก็บได้ไม่เกิน 5 วัน ถ้าเกินกว่านี้ ก็จะมีกลิ่นบูดเน่า รสชาติจะไม่อร่อย



ฉะนั้น น้ำพริกเมืองเหนือที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ นิยมทำขาย กันสด ๆ เพราะจะได้น้ำพริกที่มีรสชาติดีอร่อย

วิธีทำกิมจิ

ส่วนผสมกิมจิ: ผักกาดขาว 2 หัว, เกลือป่น, น้ำเปล่า 2 ลิตร, พริกชี้ฟ้าแดง 100 กรัม, ขิงอ่อน 20 กรัม, กระเทียม 10 กรัม, ต้นหอม 100 กรัม, น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ




วิธีทำกิมจิ

ภาพกิมจิ

1. ล้างผักกาดขาวให้สะอาด ผ่าครึ่ง

2. ผสมน้ำเปล่า เกลือป่น 40 กรัม ให้เป็นน้ำเกลือ ชิมรสให้ออกเค็มเล็กน้อย

3. นำผักกาดขาวที่ผ่าครึ่งไว้มาแช่น้ำเกลือนานประมาณ 6 – 8 ชั่วโมงจนผักสลดจึงนำขึ้น

4. โขลกพริกชี้ฟ้าแดง กระเทียม ขิง ให้ละเอียด ปรุงรสด้วย เกลือป่น น้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู

5. หั่นต้นหอมเป็นท่อนยาวประมาณ 1 นิ้ว และหั่นผักกาดขาวที่แช่น้ำเกลือไว้เป็นชิ้นพอคำ

6. ผสมต้นหอม ผักกาดขาวและน้ำที่ได้ในข้อที่ 4 หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 3 วัน



หมายเหตุ: หากเป็นสูตรต้นตำรับจะใช้วิธีการหมักที่นานขึ้นประมาณ 3 สัปดาห์และไม่ต้องใส่น้ำส้มสายชู และสามารถใส่ขิงอ่อนหั่นฝอยได้หากชอบ

เปิดตำนานน้ำพริก 28 ครกแห่ง OSK ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช




โดย ลัดดา ผู้จัดการ Online วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2546



วันนี้ดูอะไรทั่วไปแล้วก็เห็นจะต้องเขียนถึง “น้ำพริกแห่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” อีกสักวันหนึ่งเป็นไง? ซึ่งความจริงออกจะไม่เสียหายอะไร เพราะยังมีคนชอบอ่าน เพราะยังมีคนคอยอ่านอยู่มากพอสมควร

ลัดดา ยังจำได้... ยังจำได้ที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช พูดว่ามีคนเขาหาว่าตัวผมนั้น เวลาไม่มีเรื่องจะเขียนหนังสือเข้าก็หันไปเขียนตำราตำน้ำพริก ซึ่งข้อนี้ก็ขอยอมรับว่าเป็นความจริง



กระนั้น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็ไม่วายขอแก้ตัวสักนิดหนึ่งว่า... น้ำพริกนั้น นอกจากจะเป็นกับข้าวของไทยแล้ว ยังเป็นวัฒนธรรมไทยอีกอย่างหนึ่ง คนไทยต้องรู้จักน้ำพริก

ต้องรับประทานน้ำพริกให้เป็น หมายความว่าจะต้องรู้วิธีว่าจะเอาอะไรจิ้มกับน้ำพริก แนมด้วยปลาดุกย่าง ปลาทูทอดอย่างไร เหล่านี้เป็นวัฒนธรรมไทยซึ่งมีมาแต่โบร่ำโบราณทั้งสิ้น ถ้าไม่มีใครรักษาไว้ก็คงจะหายไป



ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช บอกกับลัดดาด้วยว่า



ทุกวันนี้ คนที่ตำน้ำพริกกินเองก็น้อยลงไปทุกทีแล้ว เพราะฉะนั้นการที่จะรักษาวัฒนธรรมเรื่องน้ำพริกเอาไว้ในครอบครัวก็เห็นจะยากเข้าทุกวัน ท่านจึงเห็นว่าทางดีที่สุดก็ต้องเขียนไว้เป็นหนังสือแทนที่จะจดจำกันด้วยสมอง เพราะจะลืมง่าย

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ยังบอกกับลัดดาด้วยว่า



นอกจากน้ำพริกจะเป็นกับข้าวขั้นพื้นฐานของกับข้าวไทย ใช้รับประทานกับผักให้เป็นเครื่องนำ ให้ได้กินผักสดมากๆ แล้วน้ำพริกนั้นเองยังเป็นศูนย์ของสำรับ ซึ่งมีกับข้าวหลายอย่าง น้ำพริกนั้นจะต้องอยู่กลางและกับข้าวอื่นๆ ที่มาแวดล้อมประกอบเป็นสำรับนั้น ในการทำต้องคำนึงถึงน้ำพริกหรือเครื่องจิ้มก่อนว่าเป็นอะไร ถ้าเป็นน้ำพริกกะปิเฉยๆ ก็คิดกับข้าวให้แนมกับน้ำพริกกะปินั้น ถ้าเป็นน้ำพริกส้มมะขามก็ต้องเปลี่ยนกับข้าวไปบ้าง ยังแยกออกไปว่าส้มมะขามเปียกหรือส้มมะขามสดอีก ถ้าเป็นเครื่องหลนเช่น ปลาร้าหลน เต้าเจี้ยวหลน ปลาเจ่าหลน การคิดกับข้าวก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบหนึ่ง ตามแต่เครื่องจิ้มที่อยู่กลางสำรับนั้น



มา ณ วันนี้ น่ายินดีที่สำนักพิมพ์ครัวบ้านและสวน หนังสือในเครืออมรินทร์ที่ได้รับอนุญาตให้พิมพ์งานอันทรงคุณค่าของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ด้วยเรื่องน้ำพริก



ผลงานชิ้นนี้เคยตีพิมพ์อยู่ในคอลัมน์ “ซอยสวนพลู’ หนังสือพิมพ์ ‘สยามรัฐ’ และเขียนต่อเนื่องกันตลอดมาจนสามารถรวบรวมได้เป็นเล่มพอเหมาะ และทางสำนักพิมพ์ ‘สยามรัฐ’ ได้เคยรวมเล่มแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2535 ซึ่งปัจจุับันขาดหายไปจากตลาดแล้ว ทางสำนักพิมพ์ครัวบ้านและสวน โดย องอาจ จิระอร ได้นำมารวบรวมและจัดรูปเล่มขึ้นใหม่ เพื่อความกะทัดรัดและสวยงามมากยิ่งขึ้น



เป็นความกะทัดรัดและสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากโรงแรมโรสการ์เด้นท์ สวนสามพราน ของคุณสุชาดา ยุวบูรณ์ ที่รับจัดการเป็นธุระดูแลในการตระเตรียมข้าวของอุปกรณ์ในการตำน้ำพริกตามตำราของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อย่างสมบูรณ์เช่น ที่บอกไว้ในหนังสือและฝีมือ การตำน้ำพริกประมาณ 28 ครก ที่ปรากฏเป็นภาพในหนังสือเล่มนี้ก็คือ ฝีมือตำของคุณภัทนา บุนนาค ที่ทำให้รสชาติของน้ำพริกนั้นเป็นจริงขึ้นมา



เป็นต้น น้ำพริกนครบาล น้ำพริกใบมะขามอ่อน น้ำพริกเต้าเจี้ยว น้ำพริกมะม่วง น้ำพริกกระท้อน น้ำพริกมะขามสด น้ำพริกส้มมะขาม น้ำพริกมะเขือขื่น น้ำพริกผักชี น้ำพริกไข่ปูทะเล น้ำพริกไข่เค็ม น้ำพริกป่า น้ำพริกแมงดา น้ำพริกลูกหนำเลี๊ยบ น้ำพริกเต้าหู้ยี้ น้ำพริกลงเรือ น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกผักทอด น้ำพริกผักต้ม น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกไทยสด น้ำพริกมะเขือพวง น้ำพริกเผา น้ำพริกซ่า น้ำพริกขี้กา และน้ำพริกก้อย

Thursday, March 17, 2011

ข้าวเหนียวมะม่วง

ส่วนผสม


ข้าวเหนียว ๒ ถ้วย

กะทิ ๑ ถ้วย

น้ำตาลทราย ๑/๒ ถ้วย

เกลือป่น ๑ ช้อนชา

ใบเตย ๒ ใบ

มะม่วง ๕ ผล



วิธีทำ

๑. ซาวข้าวเหนียวแล้วเทน้ำทิ้งจนหมด แล้วใส่น้ำพอปริ่ม ๆ ข้าวเหนียวแช่ทิ้งไว้สักพัก

กลับมาดูเมื่อเห็นว่าข้าวดูดน้ำแห้งแล้วจึงเติมน้ำใหม่ลงไปพอปริ่ม ๆ อีก พอน้ำแห้งอีกครั้ง

ค่อยใส่น้ำท่วมข้าว แล้วแช่ไว้หนึ่งหรือสองคืนจนข้าวนิ่มและเม็ดเป่งบาน



๒. ใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาด ๆ วางบนลังถึง แล้วซาวข้าวเหนียวล้างน้ำเปล่า สงใส่ลังถึงที่ปูด้วยผ้าขาวบาง เกลี่ยหน้าข้าวให้เสมอกัน แล้วตลบชายผ้าขาวบาง

ปิดข้าวให้มิด นำไปใส่ลังถึง นึ่งประมาณ ๒๐-๒๕ นาที

ชิมดูว่าข้าวเหนียวไม่กุบและเม็ดบานสวย อย่ารอให้เม็ดข้าวบานเกิน

เพราะเวลานำไปมูนกับกะทิ ข้าวเหนียวจะบานแฉะ ไม่เรียงเม็ดสวยและเงามัน



๓. ขณะที่นึ่งข้าวเหนียว ก็นำกะทิ น้ำตาลเกลือใส่หม้อใบใหญ่พอควรตั้งไฟอ่อนถึง ปานกลาง คน ๆ จนกะทิ น้ำตาล และเกลือละลายเข้ากันดี ใส่ใบเตยทั้งใบลงในหม้อกะทิ

ยกลง



๔. เมื่อดูว่าข้าวเหนียวสุกได้ที่ ใส่ถุงมือกันความร้อนสองข้าง โยงผ้าขาวบางให้ได้มุม แล้ว

เทข้าวเหนียวลงในหม้อที่ผสมกะทิไว้ เสร็จแล้วคนให้ข้าวเหนียวและน้ำกะทิเข้ากัน ข้าวเหนียวจะดูดซึมน้ำกะทิอย่างรวดเร็วจนแห้ง เราก็จะได้ข้าวเหนียวมูนที่แสนอร่อยพร้อมเสิร์ฟกับมะม่วง
การจัดลงภาชนะ


- เลือกภาชนะที่เป็นแก้วหรือกระเบื้อง ไม่มีลวดลายมาก สะอาดและแห้ง

- ตักข้าวเหนียวมูน (ใช้มือหรือช้อนไม้จุ่มกะทิตักเบาๆ) วางด้านหนึ่งของภาชนะ ราดด้วยหัวกะทิ โรยถั่วทองเล็กน้อย (ถั่วเขียวผ่าซีกเลาะเปลือก แช่น้ำนึ่งแล้วคั่ว)

- ปอกมะม่วงสุก หั่นชิ้นพองาม วางในภาชนะอีกด้านหนึ่ง



ข้อแนะนำ

- ข้าวสารเหนียวเขี้ยวงู เป็นข้าวที่ใช้ทำข้าวเหนียวมูนได้ดี จะได้เมล็ดที่สวยและนุ่ม

- เมื่อขัดข้าวด้วยสารสมแล้วต้องล้างให้สะอาดจนหมดจนกลิ่นและรสของสารส้ม

- การเทข้าวสุกขณะร้อนใส่ในกะทิที่ร้อน จะทำให้คนข้าวให้เข้ากับกะทิได้ง่ายขึ้น เมล็ดข้าวซึมซับกะทิได้ดีจนกะทิแห้ง ไม่แฉะ

- ข้าวเหนียวมูนที่เก็บใส่กล่องไว้ในตู้เย็น นำออกมานึ่งใหม่จะได้รสชาตินุ่มดียิ่งขึ้น

- มะม่วงที่สุกเกินไป ให้ฝานเป็นชิ้นละเอียด ผสมกับไข่ นำตาลปึ๋ก กะทิ นึ่งเป็นสังขยามะม่วง หรืออาจทำน้ำมะม่วง แล้วผสมกับวุ้นเป็นวุ้นมะม่วง ใส่ในพิมพ์คล้ายรูปมะม่วง ทั้งสองตำรับนี้สามารถใช้แทนมะม่วงที่จะรับประทานกับข้าวเหนียวมูนได้

Wednesday, March 16, 2011

ปลาหมึกผัดผงกะหรี่

เพื่อนๆ หลายคนอาจจะชอบปูผัดผงกะหรี่ แต่พิมเป็นคนนึงล่ะค่ะที่ไม่ชอบเมนูอะไรที่เป็นปูๆ เลย เพราะงั้นเมนูไหนที่ใช้ปู พิมเลยต้องพยายามหาเนื้อสัตว์อื่นมาใช้แทน อย่างเช่นเมนูนี้ล่ะค่ะ




อย่างที่บอก .... พิมเป็นคนไม่ชอบกินปูค่ะ ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่อร่อยหรอกนะคะ แต่เพราะว่ามันแกะยาก มีก้าม มีขา มีกระด้ง กระดองให้วุ่นวาย .. ซึ่งพิมชอบอะไรที่กินง่ายน่ะค่ะ ไม่ต้องแกะ ไม่ต้องงัด ไม่ต้องแงะ .......... ดังนั้นอาหารอะไรที่ทำด้วยปู พิมก็เลยมักจะใช้เนื้อสัตว์อื่นแทน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นปลาหมึก หรือไม่ก็กุ้งตัวใหญ่ ๆ อ่ะค่ะ



และเมนูนี้ก็เช่นกันค่ะ .. เป็นอีกเมนูนึงที่พิมคิดว่า การเอาปลาหมึกหรือกุ้งมาแทนปู มันเข้ากันมากๆ เลยค่ะ มากไม่แพ้ปูเลย .... เพราะนั้นเมื่อมีหมึกเหลือจากการทำหมึกผัดน้ำพริกเผา พิมก็เลยอดไม่ได้ที่จะเอาหมึกที่เหลือมาทำผัดผงกะหรี่ อย่างที่เห็นในภาพนี่อ่ะค่ะ ^___^



ใครที่สนใจก็ตามพิมมาเลยนะคะ ... แต่ขอบอกนิดนึงว่า เมนูผัดผงกะหรี่ของพิมแบบในภาพนี้ ไม่มีรสหวานจากน้ำตาลหรือหวานจากนมนะคะ เพราะงั้นถ้าเพื่อนๆ ชอบผัดผงกะหรี่แบบที่ออกรสหวานเหมือนที่อื่น อาจจะต้องเติมน้ำตาลเพิ่มนิดนึงน๊า



ว่าแล้ว ... มาดูหน้าตากันเลยค่ะ ... หน้าตาแบบนี้

ปลาหมึกผัดผงกะหรี่



เครื่องปรุง


ปลาหมึกกล้วย น้ำหนัก 200 กรัม 2 ตัว

ไข่ไก่ 1 ฟอง

นมสด 1/4 ถ้วย

ต้นหอมหั่นท่อนสั้น 2 ต้น

คึ่นฉ่ายหั่นท่อนสั้น 1 ต้น

พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็นเส้น 1 เม็ด

ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ

1. ล้างปลาหมึก เอาส่วนที่รับประทานไม่ได้ออก หั่นเป็นแว่นหนา 1/2 นิ้ว ลวกในน้ำเดือดไฟแรง พอสุก ตักขึ้นให้สะด็ดน้ำ

2. ผสมไข่ไก่ ผงกะหรี่ นมสด น้ำปลา น้ำตาล เข้าด้วยกัน

3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอร้อน ใส่ปลาหมึก ผัดพอสุก ใส่ไหข่ที่ผสมไว้ในข้อ 2 พอไข่เริ่มสุก คนให้เข้ากัน ใส่คึ่นฉ่าย ต้นหอม ผัดพอทั่ว ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดง

Monday, March 14, 2011

หมูแดดเดียว

หมูแดดเดียว


หมูเนื้อแดง 500 กรัม

กระทียม 1 หัว

รากผักชี 3 ราก

พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา

น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ

เหล้าขาว 2 ช้อนโต๊ะ

ซอสพริก 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันพืชสำหรับทอด



วิธีทำ



1. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด แล่เป็นชิ้นหนา 1 ซม.

2. โขลกกระเทียม รากผักชี พริกไทยให้ละเอียด

3. เคล้าหมูกับน้ำปลา น้ำมันหอย เหล้าขาว น้ำตาลและเครื่องที่โขลกเข้าด้วยกัน หมักไว้ 1 ชั่วโมงแล้วตากแดด 1 วัน

4. นำหมูลงทอดในน้ำมันร้อน พอสุกตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน เสิร์ฟกับซอสพริกหรือน้ำจิ้มตามชอบ

อกไก่อบซอสตะไคร้

chicken_taklai.jpg

ส่วนผสม

อกไก่ 1000 กรัม

ผักโขม 1000 กรัม

ตะไคร้ 100 กรัม

หัวหอมใหญ่ 100 กรัม

กระเทียม 20 กรัม

คื่นช่าย 50 กรัม

น้ำ 300 กรัม

ครีมสลัด 300 กรัม

เกลือ 2 กรัม

พริกไทย 2 กรัม

ผงปรุงรส 2 กรัม

แป้งผสมเนย 10 กรัม

เนย 50 กรัม


วิธีทำ

- นำอกไก่ล้างให้สะอาดตากให้สะเด็ดน้ำ นำใบผักโขมลวกน้ำพอสุก ตักขึ้นแช่น้ำเย็นแล้วบีบน้ำให้แห้ง สับพอหยาบ พักไว้

- นำปลายมีดแหลม ผ่ากึ่งกลางตามยาวอกไก่(อย่าให้ขาดออกจากกัน) นำผักโขมที่เตรียมไว้ยัดใส่กึ่งกลางของอกไก่

- นำอกไก่ที่ได้เข้าเตาอบ ไฟปานกลางประมาณ 20-25นาที หรือจนสุก พักไว้

- ตั้งหม้อใส่เนย นำตะไคร้ หัวหอมใหญ่ กระเทียม คื่นช่าย ผัดกับเนย พอมีกลิ่นหอม เติมน้ำเคี่ยวไฟปานกลาง 15 นาที

- ยกลงนำส่วนที่ได้ปั่นให้ละเอียด ใช้กระชอนกรอง (เอาน้ำ) ยกขึ้นตั้งไฟ เติมครีมและปรุงรสชาติ พอเดือดเติมแป้งผสมเนย คนให้เข้ากันพอข้น ตักราดบนชิ้นไก่ ยกเสิร์ฟ

Sunday, March 6, 2011

รวมร้านขายวัตถุดิบเบเกอรี่

ส. เบเกอร์เฮาส์

ส. เบเกอร์เฮาส์ คัดสรรทุกอุปกรณ์เบเกอรี่และวัตถุดิบคุณภาพเพื่อคุณ.......

เขตตลิ่งชัน โทร 02-8844599




ร้านแป้งสาลี

เขตลาดพร้าว

"แป้งสาลี" ครบครัน...ครบเครื่อง... เรื่องเบเกอร์รี่


ยีสต์กะเนย

เขตสัมพันธวงศ์

จำหน่ายวัตถุดิบ และอุปกรณ์เบเกอรี่ทุกชนิด


เกียรติโชคชัยเบเกอร์มาร์ท

เขตวังทองหลาง

มาร้านนี้ได้ของติดไม้ติดมือแน่นอนครับ....


หจก.หยกอินเตอร์เทรด

จ.เชียงใหม่

วันนี้นิตยสาร FOOD PAPER จะพาคุณไปแอ่วเมืองเหนือ ไปที่จังหวัดเชียงใหม่เจ้า





ดี.เค. เบเกอรี่มาร์ท เทรดดิ้ง

เขตบางพลัด




เบเกอร์ช็อป

ไปร้านแห่งเดียวได้อุปกรณ์ ครบชุด




ช็อปปิ้งอุปกรณ์เบเกอรี่น่าใช้ที่ .... บางใหญ่

สำหรับผู้ที่อยากประกอบธุรกิจด้านเบเกอรี่ มีร้านกาแฟน่านั่งสักหนึ่งร้านพร้อมกับเค้กอร่อย คุกกี้รสชาติดี......โปรดมองทางนี้.... See all





ช็อปปิ้งอุปกรณ์เบเกอรี่น่าใช้...ที่จังหวัดภูเก็ต

คราวนี้ชาวภูเก็ตจะมีร้านจำหน่ายอุปกรณ์เบเกอรี่ที่น่าใช้และอุปกรณ์เบเกอรี่แบบครบวงจรที่ใหญ่และใส่ใจในการบริการ.... See all





ร้านขจรศักดิ์เครื่องครัว (KAJORNSAK KITCHENMATE)

ศูนย์รวม อุปกรณ์และวัตถุดิบ สำหรับทำเบเกอรี่และขนมทุกชนิด.... See all



ร้านตั้งจิบเซ้ง (TANG JIB SENG)

สำหรับท่านที่กำลังมองหาอุปกรณ์ทำเบเกอรี่ วันนี้เรามีร้านจำหน่ายอุปกรณ์เบเกอรี่ที่รู้จักกันดีในหมู่นักทำเบเกอรี่ 3 ร้านเด่นที่ท่านสามารถ เลือกช็อปฯ ได....

See all




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ชื่อร้าน: ซันสโตร์

เปิดบริการ: เปิดทุกวัน

สถานที่: ลาดพร้าว 99 ติดกับร้านอาหารวนิดาอาหารเวียดนาม

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2935-0800





ชื่อร้าน: ห้างหุ้นส่วนจำกัด บิ๊กเบเกอร์เซ็นเตอร์

เปิดบริการ: จันทร์ – เสาร์, 09.00 – 18.00 น.

สถานที่: สยามสแควร์ ซอย 2

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2654-6334-5





ชื่อร้าน: ตั้งจิบเซ้ง (สาขา 2)

สถานที่: ถนนจักรเพชร พาหุรัด

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2222-1721





ชื่อร้าน: บริษัท ยูเอฟเอ็มฟู้ดเซ็นเตอร์

สถานที่: ซอยสุขุมวิท 33/1, ถนนสุขุมวิท

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2259-0620-30, 0-2260-5280-300

เวบไซด์: http://www.ufmfc.com





ชื่อร้าน: ศรีนารายณ์

สถานที่: ถนนจักรเพชร สะพานหัน

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2221-2514, 0-2221-2649





ชื่อร้าน: บริษัท ดี เค เบเกอรีมาร์ทเทรดดิ้ง จำกัด

สถานที่: ศูนย์การค้ากรุงธนเมืองแก้ว ถ.สิรินทธร (เยื้องตั้งฮั่วเส็งธนบุรี)

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2881-0619-21

เวบไซด์: http://www.kajornsak.com





ชื่อร้าน: ร้านขจรศํกดิ์

สถานที่: ถนนจักรเพชร พาหุรัด

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2221-0572





ชื่อร้าน: ชวนชม สาขา 1

สถานที่: ตลาดสดบางเขน

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2941-9966, 08-1755-0059





ชื่อร้าน: ชวนชม สาขา 2

สถานที่: 11/81 ถ.ร่มเกล้า หมู่บ้านปรีชา-ร่มเกล้า มีนบุรี

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2909-8256-7





ชื่อร้าน: เกียรตสิน

สถานที่: สะพานควาย ตรงข้ามห้างบิ๊กซี

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2278-1089





ชื่อร้าน: เกียรตโชคชัยเบเกอรี

สถานที่: ตลาดโชคชัย 4

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2538-6756





ชื่อร้าน: กิตติวัฒนา

สถานที่: ถนนสุขุมวิท 77 (ซอยอ่อนนุช)

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2321-0436, 0-2322-8185





ชื่อร้าน: บริษัทชมิตต

สถานที่: พระโขนง

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2381-4895-98





ชื่อร้าน: ปรีดาการช่าง

สถานที่: ตลาดพลู ธนบุรี

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2466-8261





ชื่อร้าน: วัฒนาคิทเช่นมาร์ท

สถานที่: 131/17 หมู่ 13 ต.สันทราย อ.เมือง

จังหวัด: เชียงราย

เบอร์โทรศัพท์: 053-700-180





ชื่อร้าน: วรภัณฑ์

สถานที่: ถ.อู่ทอง ตลาดเจ้าพรหม

จังหวัด: พระนครศรีอยุธยา

เบอร์โทรศัพท์: 035-242-666, 035-245-789





ชื่อร้าน: บริษัท ชาติผลกิจ จำกัด

สถานที่: ถ.พัทยา-นาเกลือ

จังหวัด: ชลบุรี

เบอร์โทรศัพท์: 038-423-120-1





ชื่อร้าน: หจก.ค้ารุ่งเรือง (ฮั่วไถ่จัง)

สถานที่: ถ.พิชัยฯ อ.เมืองสระบุรี

จังหวัด: สระบุรี

เบอร์โทรศัพท์: 036-211-360





ชื่อร้าน: หยก อินเตอร์เทรด สาขา 1

สถานที่: ถ.รัตนโกสินทร์ ต.ช่างม่อย

จังหวัด: เชียงใหม่

เบอร์โทรศัพท์: 053-872-345, 053-233-778





ชื่อร้าน: หยก อินเตอร์เทรด สาขา 2

สถานที่: ถ.อัษฎาธรณ ต.ษีภูมิ

จังหวัด: เชียงใหม่

เบอร์โทรศัพท์: 053-225-546





ชื่อร้าน: แป้งหอมเบเกอรี่

สถานที่: ถ.มหาธรรมราชา

จังหวัด: พิษณุโลก

เบอร์โทรศัพท์: 055-255-324





ชื่อร้าน: พลอยพาณิช

สถานที่: ถ.เกตุปัญญา ต.ในเมือง

จังหวัด: เพชรบูรณ์

เบอร์โทรศัพท์: 056-722-460





ชื่อร้าน: หจก.กล้วยน้ำไทเตาอบ

สถานที่: กล้วยน้ำไท

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2671-6557-8





ชื่อร้าน: บริษัท คิงแมชชีนส์ กล้วยน้ำไทการช่าง จำกัด

สถานที่: ถ.พระราม 4 ใกล้สี่แยก ม.กรุงเทพฯ

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2249-5620, 0-2249-5235

เวบไซด์: http://www.kingmachinesworlds.com





ชื่อร้าน: ห้างหุ้นส่วนจำกัด ร่วมเจริญเมือง

สถานที่: ถ.สุทธิสารวินิจฉัย (ตรงข้ามซอยอินทามระ 26)

จังหวัด: กรุงเทพฯ

เบอร์โทรศัพท์: 0-2276-6145, 0-2276-6165-66

เวบไซด์: http://www.uniongrogress.co.th



Ref : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=klakung&month=09-2007&date=13&group=11&gblog=4



************************************************************************************************

ร้านขจรศักดิ์ เครื่องครัว โทร.0-2221-0572

ร้านตั้งจิบเซ้ง อุปกรณ์ทำเค้ก โทร.0-2222-1721

ร้านศรีนารายณ์ โทร.0 2221 2514, 0 2225 8993

บริษัท ก เอ เอฟ อุตสาหกรรม จำกัด โทร.0-2673-1733-4

บริษัท กล้วยน้ำไท การช่าง จำกัด โทร.0-2249-4732

ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 2 โทร.0-2391-2093

บริษัท กล้วยน้ำไทเทรดดิ้งกรุ๊ป จำกัด โทร.0-2671-8264

บริษัท กุหลาบเบเกอรี่เทรดดิ้ง จำกัด โทร.0-2222-9256

บริษัท จักรวาลภัณฑ์ จำกัด โทร.0-2968-3041-8

บริษัท เจ ซี เบเกอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด โทร.0-2642-0243

ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช่งฮวด เทรดดิ้ง โทร.0-2258-3125

บริษัท ดี เค เบเกอรี่มาร์ทเทรดดิ้ง จำกัด โทร.0-2881-0619-21

บริษัท ไดนาสตี้ แปซิฟิก จำกัด โทร.0-2801-6491

ร้านท็อป เบเกอร์มาร์ท โทร.0-2726-6955

บริษัท ท๊อปควอลิตี้ แมชชีนเนอรี่ จำกัด โทร.0-2870-0281

ธนบุรีค้าเนย โทร.0-2472-5440

บริษัท นัทเบเกอรี่อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โทร.0-2246-9984-5

ห้างหุ้นส่วนจำกัด บิ๊ก เบเกอร์เซ็นเตอร์ โทร.0-2654-6334-5

บริษัท บูรพาชีพ จำกัด โทร.0-2662-7667

ร้านปรีดาการช่าง โทร.0-2466-1743

ร้านป้อม โทร.0-2672-9978

บริษัท พี-ทู ฟู้ดเซอร์วิส จำกัด โทร.0-2468-2779

ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส แอนด์ เอส ดิเวลลอปเมนท์ โทร.0-2332-9301,0-2742-5398-9

ฟิน เบเกอร์ ช็อป โทร.0-2454-2770

ยีสต์ กะ เนย โทร.0-2622-7242

ห้างหุ้นส่วนจำกัด ร่วมเจริญเมือง โทร.0-2279-0742

บริษัท วิริยะ บราเดอร์ จำกัด โทร.0-2258-6574

ส เบเกอร์เฮ้าส์ โทร.0-2884-4599

บริษัท สากลภัณฑ์ แมชินเนอรี่ จำกัด โทร.0-2381-4730

โรงงาน อเมริกันเบเกอร์ โทร.0-2899-0186

ร้านเอส เค เบเกอรี่อีควิปเมนท์ โทร.0-2513-9653



Ref: http://www.gmwebsite.com/Webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-060701213203508

Wednesday, March 2, 2011

วิธีการทำหมูปิ้ง ขาย

สูตรการทำหมูปิ้ง


คู่มือการลงทุนของ workdeena วันนี้ จะให้สูตรการทำ "หมูปิ้ง" อาชีพนี้ก็เป็นอาชีพอิสระ อีกหนึ่งอาชีพที่ใครๆ ก็ทำได้ แต่ทำให้อร่อยนั้นค่อนข้างยาก ทาง workdeena จึงไปค้นหา สูตรหมูปิ้งที่คิคว่ารสชาติคงถูกปากของใครหลายๆ คนนะ (กว่าจะได้สูตรนี้มา เรากินซะอ้วนเลย) เรามาดูกันว่าเขาทำอย่างไรกันบ้าง



- สูตรการทำหมูปิ้ง ประกอบด้วย



หมู และต้องที่มีมันแทรกอยู่พอสมควร(หรือบริเวณสันคอหมู) เพราะจะทำให้เนี้อหมูไม่แข็งเกินไปเวลาย่างแล้ว ใช้ประมาณ 5 กิโล

กระเทียมบดละเอียด ประมาณ ครึ่งขีด

พริกไทยป่น ประมาณ 1 ช้อนกินข้าว

รากผักชี บดละเอียด ประมาณ ครึ่งขีด

ซอสภูเขา ประมาณ 1 ถ้วย (ใช้ถ้วยน้ำพริก ตวงก็ได้นะ)

ซีอิ้วหวาน ประมาณ ครึ่ง ถ้วย

น้ำตาลทรายประมาณ ครึ่ง กิโล

น้ำตาลปิ้บ ประมาณ ครึ่ง กิโล

เกลือ ประมาณ 2 ช้อนกินข้าว



- วิธีทำ



เราก็เอาหมูใส่ในกระมัง แล้วเอาส่วนผสมทั้งหมดลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน คลุกเคล้าเบาๆ นะ อย่าไปขย้ำมันนะเดี๋ยวหมูจะเละ คลุกเคล้าประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นก็เอา หมูที่คลุกเสร็จแล้ว เทใส่กล่องพลาสติกเก็บแช่ไว้ในตู้เย็น ประมาณ หนึ่งคืน หรืออย่างน้อย 8 ชั่วโมง (แช่ช่องแข็งนะ) แล้วหลังจากนั้นก็นำมาเสียบไม้ เตรียมปิ้งขายได้เลย

และอย่าลืม นึ่งข้าวเหนียวด้วยนะ การนึ่งข้าวเหนียวก็แค่ ต้องแช่ข้าวเหนียวก่อนประมาณ 10 ชั่วโมง แล้วเอามาค่อยนึ่งนะ



- คำนวนการลงทุน



หมู 5 กิโล โลละ 99 บาท (ถ้าได้ถูกกว่านั้นก็ดีนะ แต่อย่าเอาหมูแก่นะ) รวมเป็นเงิน 495 บาท

เครื่องปรุงทั้งหมด ประมาณ 200 บาท

ค่าถุง ค่าไม้เสียบ ค่าถ่าน ประมาณ 150 บาท

หมู 1 กิโล เสียบได้ประมาณ 100 ไม้ ไม่เกินนี้ ถ้า 5 กิโล ก็จะได้ 500 ไม้

ถ้าขายไม้ละ 3 บาท เท่ากับ 500 x 3 = 1,500 บาท

คิดกำไรหมูปิ้ง 500 ไม้ (ไม่รวมข้าวเหนียว) จะได้เท่ากับ 1,500 - 845 = 655 บาท นี่คือกำไรนะ



ถ้าได้กำไรประมาณนี้ เพื่อนๆ คิดว่าน่าทำไหม สูตรการหมักหมูนี้พอได้มา workdeena ลองทำดูก่อนแล้ว สรุปว่าอร่อยพอสมควรเลยนะ ถ้าเพื่อนๆ อยากลองไปทำกินกันเองในครอบครัวก็ได้นะ หรือจะนำไปประกอบเป็นอาชีพอิสระเราก็ยินดีมากๆ เพราะไม่แน่ ร้านหมูปิ้งของเพื่อนๆ อาจจะโด่งดังมากๆ จนใครผ่านจังหวัดนี้ต้องแวะซื้อเป็นของฝากก็ได้ (เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้นะ)

Monday, February 28, 2011

หมูน้ำตก

ส่วนผสม




1.สันในหมู 250 กรัม

2.หอมแดง 2 หัว

3.ต้นหอม 2 ต้น

4.ผักชี 4–5 ต้น

5.ใบสะระแหน่ 1/4 ถ้วย

6.น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ

7.ซีอิ้วขาว หรือ น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

8.น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

9.พริกป่น 1/2 ช้อนชา

10.ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ



1.นำสันในหมูมาล้างน้ำ สะเด็ดน้ำแล้วใช้ส้อมจิ้มให้ทั่ว วางบนตะแกรง ใส่ถาด แล้วนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 350?F นานประมาณ 20 นาที

2.ปอกเปลือกหอมแดง ตัดรากต้นหอมและผักชี ตัดก้านสะระแหน่ จากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วซอยหอมแดงบางๆ ซอยต้นหอมและผักชีหยาบๆ ส่วนสะระแหน่เด็ดเป็นใบๆ พักไว้

3.นำเครื่องปรุงต่างๆ คือ น้ำมะนาว ซีอิ้วขาว หรือน้ำปลา น้ำตาลทราย และพริกป่น มาผสมรวมกันในถ้วย ชิมรสตามชอบ จากนั้นเมื่ออบสันในหมูได้ที่แล้วให้นำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ

4.นำหมูที่หั่นไว้มาใส่ในชามผสม นำหอมแดง ต้นหอม ผักชีที่ซอยไว้ และใบสะระแหน่ที่เด็ดไว้ใส่ลงไปครึ่งหนึ่ง คลุกเคล้าเครื่องทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้น นำน้ำปรุงรสที่ผสมไว้และข้าวคั่วเทลงไป คลุกให้เข้ากันกับเนื้อหมูให้ทั่ว

5.ตักใส่จานโรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ที่เหลือ เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟละครับ

My Blog List